น้ำหอมโทนกุหลาบที่ใช้ดอกกุหลาบจริงในการปรุง
ดอกกุหลาบถือเป็นราชินีแห่งดอกไม้และเป็นสัญลักษณ์ของความงดงาม โรแมนติก กลิ่นหอมจากดอกกุหลาบตามธรรมชาตินั้นช่วยปลอบประโลมจิตใจให้ผ่อนคลายและไม่เคยล้าสมัยในยุคไหนเลย กลิ่นหอมของกุหลาบนั้นยังเป็นมากกว่าแค่เรื่องแฟชั่น กลิ่นกุหลาบถือเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกและสัมผัสแห่งความหรูหรา
ที่ Prung Flower Water เราสร้างกลิ่นให้น้ำหอมโทนกุหลาบสามารถใช้ได้ง่ายในชีวิตประจำวันและในทุกโอกาสโดยไม่มีวันล้าสมัย เราเชี่ยวชาญและพิถีพิถันตั้งแต่การคัดสรรดอกกุหลาบสดสายพันธุ์ดีจากฟาร์มเพาะปลูกคุณภาพสูงจากทั่วโลกไปจนถึงการสกัดกลิ่นจากโรงกลั่นคุณภาพ นอกจากนี้ด้วยความสามารถและประสบการณ์อันยาวนานของ Perfumer ทำให้เรา Blend ผสมผสานกลิ่นให้กลายออกมาเป็นน้ำหอมโทนกุหลาบที่มีทั้งความละเมียดละไมและคงความเป็นกลิ่นกุหลาบธรรมชาติไว้อย่างสูงสุด มีความฉ่ำไปด้วยละอองน้ำจาก Rose Water ธรรมชาติ และละมุนบางเบา ไม่ฉุนเหมือนกลิ่นกุหลาบสังเคราะห์ทั่วไป ที่สำคัญคือเป็นน้ำหอมที่เหมาะจะใช้ในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นมีฝนตกอย่างบ้านเราได้อย่างลงตัว
ความโดดเด่นของ The Rose Collection
ใน The Rose Collection นั้นจะประกอบด้วยน้ำหอมโทนกุหลาบทั้งหมด 8 กลิ่นด้วยกัน ได้แก่
Rose Whispering
Wild Rose & Berry
White Rose & Sacred Woods
French Freesia & Rose Petals
Rosebud, Tangerine, & Magnolia
Rose, Vanilla, & Patchouli
Rose, Sage, & Bergamot
Rose Barcarolle
แม้แต่ละกลิ่นนั้นนั้นมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเรื่องของ Shade และ Tone ของกุหลาบและวิธีการ Blend กลิ่นที่หลากหลาย แต่ทุกกลิ่นภายใน Collection นี้นั้นล้วนปรุงขึ้นมาจากดอกกุหลาบธรรมชาติหลากหลายสายพันธุ์ นำเสนอกลิ่นกุหลาบที่ละมุนละไม มีความเป็นธรรมชาติสูงราวกับได้ดมจากดอกกุหลาบสดอย่างแท้จริง และเป็นโทนกลิ่นที่หาดมไม่ได้จากที่ไหนและไม่ซ้ำใครเลย
ดอกกุหลาบที่เราใช้
การคัดเลือกฟาร์มกุหลาบที่คุณภาพสูงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากของการสกัดกลิ่นกุหลาบ
ที่ Prung Flower Water เรามีฟาร์มกุหลาบคุณภาพสูงและโรงสกัดกลิ่นที่เป็น Partner ทางธุรกิจกับเราอยู่มากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยทั่วไปดอกกุหลาบตามธรรมชาตินั้นจะให้กลิ่นตามสายพันธุ์ ตามสภาพแวดล้อม ดิน น้ำ และอุณภูมิที่เพาะเลี้ยงกุหลาบ ตลอดจนฤดูกาลและวิธีการเก็บดอกกุหลาบก็ยังส่งผลต่อกลิ่นของกุหลาบที่นำมาสกัด
หลายครั้งที่ Perfumer ของเราคัดเลือกกุหลาบสายพันธุ์ Turkish Damascene roses หรือคนไทยนิยมเรียกกุหลาบมอญซึ่งเป็นสายพันธุ์กุหลาบที่ให้กลิ่นหอมที่แปรตามเฉดสีของกุหลาบซึ่งมีตั้งแต่สีชมพูซีดจางไปจนถึงแดงเข้ม ยิ่งสีเข้มก็จะยิ่งให้ความซับซ้อนของกลิ่นที่มากกว่า ซึ่งกุหลาบสายพันธุ์นี้หากมาจากแหล่งปลูกที่ต่างกันก็สามารถให้กลิ่นหอมซับซ้อนที่คล้ายกับกลิ่นหอมอื่นตามธรรมชาติที่หลากหลาย เช่นมีการเจือกลิ่นของ apple, clove, lemon, honeysuckle, moss, hyacinth, honey, wine, marigold, peppers, parsley, หรือแม้แต่ให้กลิ่นคล้ายกับ raspberry สุกก็ยังมี ซึ่งปัจจัยสำคัญคืออยู่ที่ที่ตั้งของฟาร์มปลูกและสภาพดินน้ำของที่นั่นเลย
นอกจากนี้ Perfumer ยังนิยมใช้กุหลาบสายพันธุ์ Rose Centifolia (May Rose) ที่ให้กลิ่นหอมเคล้าน้ำผึ้งอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของสายพันธุ์ในการสกัดและสร้างกลิ่น
การเก็บเกี่ยวดอกกุหลาบของเรา
ดอกกุหลาบที่เราจะนำมาสกัดกลิ่นนั้นจะถูกปลิด้วยมืออย่างระมัดระวังในยามเช้าเพราะจะเป็นเวลาที่ดอกกุหลาบคายน้ำหอมตามธรรมชาติส่งกลิ่นหอมออกมามากที่สุด ดอกกุหลาบที่จะนำมาสกัดกลิ่นได้นั้นจะคัดเฉพาะดอกที่แรกแย้มและยังไม่บานเต็มที่เท่านั้น ในขั้นตอนการเก็บจะต้องระวังมากที่จะไม่ให้กลีบดอกช้ำ เพราะจะส่งผลต่อกลิ่นที่นำมาสกัดเป็นวัตถุดิบสำหรับทำน้ำหอมนั่นเอง
การสกัดกลิ่นกุหลาบของเรา
กรรมวิธีการสกัดกลิ่นกุหลาบของเราถือเป็นวิธีที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและเป็นวิธีที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอมในประเทศฝรั่งเศส
โดยหลักแล้วเราใช้กรรมวิธีการสกัดกุหลาบอยู่ 3 แบบ ที่แต่ละวิธีการสกัดจะให้ผลลัพท์ของน้ำมันกุหลาบไม่เหมือนกันเลยในแง่ของกลิ่น สี ความเข้มข้น
𝟏. 𝐇𝐲𝐝𝐫𝐨 𝐃𝐢𝐬𝐭𝐢𝐥𝐥𝐚𝐭𝐢𝐨𝐧
การสกัดน้ำมันกุหลาบด้วยไอน้ำ
คือการนำเอาดอกกุหลาบไปกลั่นในน้ำต้มนั่นเองโดยค่อยๆให้ความร้อนกับหม้อกลั่นไปเรื่อยๆ สิ่งที่กลั่นได้จะแยกเป็นชั้นกรวยนะคะ วิธีนี้จะต้องใช้ดอกกุหลาบจำนวนมากๆ สัดส่วนคร่าวๆคือดอกกุหลาบ 60 ดอกจะกลั่นน้ำมันได้เพียง 1 หยดเท่านั้นค่ะ น้ำมันที่ได้นี้จะเรียกกันในวงการว่า𝐑𝐨𝐬𝐞 𝐎𝐭𝐭𝐨 มีราคาแพงมากที่สุดเนื่องจากเป็นวิธีสกัดที่ใช้ดอกกุหลาบมากที่สุด ซึ่งน้ำหอมของ Prung Flower Water ก็มีการนำ 𝐑𝐨𝐬𝐞 𝐎𝐭𝐭𝐨 มาใช้ปรุงน้ำหอมหลายกลิ่น
กลิ่นกุหลาบที่ได้จากการสกัดโดยวิธีนี้จะมีความละมุนบางเบามาก นอกจากนี้ Perfumer เรามักจะใช้ส่วนที่เหลือจากการสกัดที่แยกชั้นออกมาที่เรียกกันว่า 𝐇𝐲𝐝𝐫𝐨𝐬𝐨𝐥 หรือคือ Rose Water นั่นเอง เป็นผลผลิตจากการกลั่นแยกชั้นที่ดูดเอา 𝐑𝐨𝐬𝐞 𝐎𝐭𝐭𝐨 ที่เป็นชั้นน้ำมันลอยอยู่ด้านบนออกหมดแล้ว ซึ่ง Rose Water คือชั่นของน้ำที่มีกลิ่นหอมมากเช่นกันและถูกเอามาเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อทดแทนการใช้แอลกอฮอร์ของแบรนด์เรา
𝟐. 𝐒𝐨𝐥𝐯𝐞𝐧𝐭 𝐄𝐱𝐭𝐫𝐚𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧
การสกัดด้วยตัวทำละลาย นิยมใช้ Hexane วิธีการคือนำเอาดอกกุหลาบแช่ลงในตัวทำละลาย ทิ้งไว้ระยะเวลานึงจนตัวทำละลายระเหยออกไป สิ่งที่ได้หลงเหลือจะกลายเป็น Wax หรือไขของน้ำมันกุหลาบที่จับตัวกันเรียกว่า 𝐜𝐨𝐧𝐜𝐫𝐞𝐭𝐞
ซึ่งเวลานำมาใช้ทำน้ำหอม Perfumer จะละลายมันออกมาด้วย Ethanol Alcohol สารละลายที่ได้จะเรียกว่า Rose Absolute สีจะเข้มมาก กลิ่นแรงและเข้มข้นกว่ากลิ่นที่ได้จากการกลั่นมากๆ และกลิ่นก็ใกล้เคียงกับดอกกุหลาบดมสดจากต้นจริงๆมากกว่าเนื่องจากมันไม่ได้ผ่านความร้อนจากการกลั่นนั่นเอง
𝟑. 𝐂𝐚𝐫𝐛𝐨𝐧 𝐃𝐢𝐨𝐱𝐢𝐝𝐞 𝐄𝐱𝐭𝐫𝐚𝐜𝐭𝐢𝐨𝐧 (𝐂𝐎𝟐)
เป็นวิธีสกัดน้ำมันกุหลาบที่ต้องลงทุนด้านเครื่องจักรอุปกรณ์มาก โดยจะสกัดน้ำมันดอกกุหลาบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ วิธีนี้ให้น้ำมันกุหลาบที่กลิ่นเหมือนดอกสดจริงตามธรรมชาติที่สุดแล้ว
น้ำหอมทุกกลิ่นใน The Rose Collection นี้ Perfumer จะใช้น้ำมันกุหลาบที่สกัดมาจากทั้ง 3 วิธีข้างต้นรวมทั้ง Rose Water ธรรมชาติที่ได้จากการกลั่นกลีบกุหลาบ ซึ่งแต่ละกรรมวิธีการสกัดนั้นจะให้ 𝐒𝐡𝐚𝐝𝐞 𝐨𝐟 𝐑𝐨𝐬𝐞 หรือกลิ่นกุหลาบและความเข้มข้นของเนื้อกลิ่นที่แตกต่างกัน โดย Perfumer จะนำมาปรุงร่วมกับวัตถุดิบอื่นๆให้กลายเป็นน้ำหอมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในแต่ละกลิ่น
Rose Water
เราใช้ Rose water ที่สกัดจากดอกกุหลาบหลากหลายสีและสายพันธุ์เป็นวัตถุดิบสำคัญในการปรุงน้ำหอมทุกกลิ่นเพื่อเป็นการทดแทนการใช้แอลกอฮอร์ในการปรุงน้ำหอม Rose Water จะให้กลิ่นตามธรรมชาติที่หอมหวานแบบกุหลาบสดฉ่ำน้ำ ซึ่งได้จากการกลั่นกุหลาบด้วยไอน้ำแล้วแยกชั้นที่เป็นน้ำมันหอมระเหยออกไปแล้ว
ดูน้ำหอมกลิ่นกุหลาบได้ที่
Comentarios